|
|
ผักหวานป่า
|
|
| ผักหวาน (ทั่วไป) ผักหวานป่า (กัญจนา ดีวิเศษ และคณะ, 2548, 145) | |
|
| ต้น เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางสูง 6-10 เมตร แตกกิ่งก้านสาขา
ใบ ใบเดี่ยว รูปไข่หรือรูปรีสีเขียวเข้มหนาปลายเรียวแหลม คล้ายใบมะนาวหรือใบมะตูม ยาว 2-3 นิ้ว ออกเรียงสลับตรงข้ามกันคล้ายใบประกอบยอดอ่อนใบเล็กเรียบ สีเขียวอมเหลือง ใบประดับมีขนาดเล็กที่ลำต้นและกิ่ง
ดอก ดอกออกเป็นกลุ่มสีเขียว ออกตรงซอกใบ
ผล กลมรี ยาว 2-3 เซนติเมตร กว้าง 1.5-1.7 เซนติเมตร ออกเป็นพวง สีเหลืองอมน้ำตาล เมื่อสุกมีสีแดง (กัญจนา ดีวิเศษ และคณะ, 2548, 145)
| |
|
|
แคลเซียม ฟอสฟอรัส เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ (ผักพื้นบ้าน อาหารไทย, 2548, 102)
ข้อมูลทางอาหาร ชาวล้านนานิยมใช้ยอดอ่อนประกอบอาหารประเภทแกง เช่น แกงผักหวานใส่ปลาย่าง หรือใส่ปลาแห้ง ผักหวานป่ามีรสหวานกว่าผักหวานบ้าน
ข้อควรระวัง การเก็บผักชนิดนี้มารับประทานต้องพิจารณาให้ละเอียด เนื่องจากมีต้นไม้ชนิดหนึ่งชื่อว่า ต้นเสน มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก ลำต้นสีหม่นๆ และใบหนากว่าเล็กน้อย หากรับประทานจะทำให้เกิดอาการคลื่นเหียนอาเจียน คอแห้ง มึนงง หมดสติ และอาจถึงแก่ชีวิตได้ (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 7490)
|
ราก ระงับพิษ แก้พิษร้อนกระสับกระส่าย แก้น้ำดีพิการ แก้เซื่อมมัว แก้ร้อนในกระหายน้ำ (ผักพื้นบ้านภาคเหนือ, 2548, 145) ช่วยเผาผลาญกรดอะมิโนในร่างกายจากโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จึงช่วยลดน้ำหนักได้ (ผักพื้นบ้าน อาหารไทย, 2548, 102)
ข้อบ่งใช้ทางเภสัชกรรมล้านนา ใช้รากผักหวานเป็นส่วนผสมของตำรับยามะเร็งครุดตาแตก (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 7490)
| |
|
| ในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์-พฤษภาคม (กัญจนา ดีวิเศษ และคณะ, 2548, 145) | |
|
|
|
|
กัญจนา ดีวิเศษ และคณะ, ผู้รวบรวม. (2548). ผักพื้นบ้านภาคเหนือ. เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ บรรณาธิการ. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี: ศูนย์พัฒนาตำราการแพทย์แผนไทย. ผักพื้นบ้าน อาหารไทย. (2548). กรุงเทพฯ: แสงแดด. รัตนา พรหมพิชัย. (2542). หวานป่า, ผัก. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ (เล่ม 14, หน้า 7490). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. | |
|
|
|
|
|