Find Picture of      By     
Thai Version English Version
หน้าแรก
       
 
ดูภาพตามหมวดหมู่ ความเป็นมา บุญเสริม สาตราภัย อดีตล้านนาจากภาพถ่าย ผู้มีอุปการะคุณ เพิ่มรูปของคุณ ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
  
  ประตูช้างสี : ประตูเมืองลำพูนทางทิศเหนือ
กลับไปหน้าแสดงรายการภาพ  

คลิกที่รูปด้านบนเพื่อดูรูปขนาดใหญ่



ประตูช้างสี : ประตูเมืองลำพูนทางทิศเหนือ
ห้องฮูปหละปูน
กำแพงเมือง; ลำพูน; ประตูช้างสี
กำแพงเมือง--ลำพูน

กำแพงเมืองลำพูน

ภาพถ่ายประตูเมืองและกำแพงเมือง เมื่อคราวเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจราชการมณฑลพายัพ ณ จังหวัดลำพูน เมื่อพ.ศ. 2459

กำแพงเมืองลำพูนความชัดเจนในเรื่องกำแพงเมืองลำพูนนั้นมีไม่มาก แต่พอจะกล่าวถึงจากนักวิชาการบ้างว่าเวียงโบราณสมัยหริภุญไชยตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ การคมนาคมและการดำเนินชีวิตจะอาศัยแม่น้ำเป็นหลัก ตัวเวียงมีรูปร่างเรขาคณิต “สี่เหลี่ยม” กำแพงเมืองเป็นคันดินมี 2 ชั้น ตรงกลางระหว่างกำแพงเมืองมีคั่นด้วยแนวคูเมือง

ในรัชสมัยพระยาเมืองแก้ว ตรงกับพุทธศตวรรษที่ 21 โปรดฯให้มีการบูรณะแนวกำแพงเมืองลำพูนที่สร้างมาแต่พุทธศตวรรษที่ 13 โดยมีรายละเอียดบันทึกในหนังสือ “ตำนานวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร” โดยอาจารย์สิงฆะ วรรณสัย ปริวรรตจากต้นฉบับเดิมที่จารลงใบลานด้วยอักขระล้านนาดังนี้

การบูรณะแนวกำแพงเมืองในสมัยพระเมืองแก้วนั้น ถือเอาฤกษ์แรกสร้างในวันที่ 5 (วันพฤหัสบดี) ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 2 ปีรวายไจ้ (ปีชวด) ศักราชได้ 878 ยามคลาด (บ่าย) 20 น้ำ พระอาทิตย์ พระพุธ พระเสาร์ อยู่ราศีประจิตร พระศุกร์อยู่ราศีตุลย์ พระพฤหัสบดี อยู่ราศีสิงห์ ลัคนาอยู่ราศีกรกฏ พระอังคารอยู่ราศีเมษ พระจันทร์อยู่ราศีมังกร ฤกษ์ที่ 23 เขียนเป็นรูปดวงกำแพงเมืองหริภุญไชย

กำแพงเมืองที่สร้างใหม่นี้มีปริมณฑลโดยรอบได้ 1,586 วา 2 ศอก มีประตูเมืองโดยรอบ 6 แห่ง ประตูด้านหน้าเมืองซึ่งติดกับลำน้ำกวงมีทั้งสิ้น 3 ประตู คือ ประตูท่าขาม หรือประตูท่าข้าม ถัดมาทิศเหนือ 182 วาเรียกว่า ประตูท่าสิงห์ หรือประตูขัว เนื่องจากประตูแห่งนี้เคยมีสะพานไม้ขนาดใหญ่ทอดข้ามไปสู่ฝั่งตะวันออก ถัดขึ้นไปอีก 162 วา 1 ศอก คือประตูท่านาง ด้านเหนือของเมืองหรือที่เรียกมาแต่เดิมว่า “หัวเวียง” นั้นมีประตูเพียงแห่งเดียวคือ ประตูช้างสี อยู่ห่างจากประตูท่านาง 175 วา

ในการบูรณะกำแพงเมืองครั้งนั้น พระเมืองแก้ว โปรดฯ ให้ “พันหยาน้อย” เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ใช้วัสดุในการก่อสร้างดังรายการต่อไปนี้ ใช้ศิลาแลงทั้งสิ้น 56,780 ก้อน อิฐ 6,315,000 ก้อน เป็นกำแพงเมืองที่ก่อด้วยอิฐสอปูน มีความสูงประมาณ 3 เมตร ด้านบนก่อเป็นรูปคล้ายใบเสมา แนวกำแพงนครหริกุญไชยและคูเมืองที่บูรณะในสมัยพระเมืองแก้วยังคงหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบันเพียงบางส่วน

วันที่ 15 พฤษภาคม 2482 เทศบาลเมืองลำพูนได้ขออนุญาตรื้อกำแพงเมืองลำพูน รวม 6 แห่ง เพื่อเชื่อมกับแนวถนนด้านในเขตเมืองทั้งนี้เพื่อความสะดวกในทางคมนาคม ทางคณะกรรมการจังหวัดพิจารณาแล้วเห็นควรอนุญาตให้รื้อได้ รวมทั้งกรมศิลปากรพิจารณาไม่ขัดข้องประการใด อนุญาตให้รื้อกำแพงเมือง ลงนามโดยหลวงวิจิตรวาทการ
กำแพงเมืองลำพูนที่เทศบาลขออนุญาตรื้อ รวมทั้งสิ้น 6 แห่ง คือ
1. ประตูช้างสี รื้อออกข้างละ 6 เมตร
2. บริเวณมุมเมืองทางด้านทิศเหนือ หน้าบ้านหลวงมานิตธนากร รื้อออก 20 เมตร
3. ที่ข้างหนองดอก รื้อออก 20 เมตร
4. มุมเมืองด้านทิศใต้ รื้อ 20 เมตร ตรงหนองดอก
5. มุมเมืองตรงท่อวัดธงสัจจะ รื้อออก 20 เมตร
6. ประตูท่านาง ข้างด้านเหนือ รื้อออก 10 เมตร

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2486 เทศบาลเมืองลำพูน ทำเรื่องขออนุญาตรื้อกำแพงเมืองลำพูนผ่านคณะกรรมการจังหวัดลำพูน ถึงกรมศิลปากร และกรมศิลปากรอนุญาตลงนามโดยอธิบดีกรมศิลปากร นายยง ส.อนุมานราชธน โดยมีการรื้อแนวกำแพงเมืองลำพูนออกอีก 7 แห่งได้แก่
1. กำแพงด้านตะวันตกตรงแนวตรอกวัดช้างสี
2. กำแพงด้านตะวันตกแนวตรอกวัดศรีบุญเรือง
3. กำแพงด้านตะวันตกแนวถนนราชวงค์
4. กำแพงด้านตะวันตกตรงแนวถนนแว่นคำ
5. กำแพงด้านตะวันออกตรงแนวถนนอัฐถารส
6. กำแพงด้านตะวันออกตรงแนวถนนชัยมงคล
7. กำแพงด้านใต้ตรงแนวตรอกที่ตัดจากถนนวังขวาลงไป

และวันที่ 28 ธันวาคม 2491 เทศบาลเมืองลำพูนได้ขออนุญาตรื้อกำแพงเมืองลำพูนผ่านคณะกรรมการจังหวัดลำพูน ถึงกรมศิลปากร และกรมศิลปากรอนุมัติลงนามโดย พระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าภานุพันธ์ยุคล รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร กำแพงที่เทศบาลเมืองลำพูนขออนุญาตรื้อ ได้แก่ กำแพงเมืองทิศเหนือตั้งแต่มุมเมืองทางทิศตะวันตกถึงประตูท่านาง มีความยาว 200 เมตร ด้วยเห็นว่ากำแพงเมืองนี้ไม่มีความความสำคัญอันควรถือเป็นโบราณวัตถุเท่าใดนัก ประกอบกับชำรุดทรุดโทรมและหักพังไปเป็นส่วนมาก บางแห่งคงเหลือแต่เพียงซากของกำแพง บางแห่งก็กำลังจะพัง อาจเป็นอันตรายแก่ประชาชนและให้คงเหลือไว้เฉพาะตัวประตูเมือง โดยเทศบาลเมืองลำพูน ขณะนั้นให้เหตุผลว่าเป็นการส่งเสริมความเจริญของบ้านเมืองในด้านความสวยงามและการขยายตัวเมืองให้กว้างขวางออกไป

รายการอ้างอิง
อนุสรณ์งานฌาปนกิจศพ คุณพ่อประสงค์ ปัญญาภู : สมุดภาพ "ภาพเก่าเล่า
เรื่องเมืองลำพูน".
(2552). ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.สำนักหอสมุด
เชียงใหม่
ntic@lib.cmu.ac.th
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , ผู้ให้ทุนสนับสนุน
นเรนทร์ ปัญญาภู, ผู้รวบรวมข้อมูล
-
image/jpeg(.jpeg .jpe .jpg)
1 ภาพ; ขาวดำ; 5x7 นิ้ว
HLP-LP-GT003
© ห้องฮูปลำพูน
ท่านอาจจะบันทึกหรือพิมพ์รูปภาพเพื่อการวิจัยและการศึกษาค้นคว้า ถ้าท่านต้องการใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น ท่านต้องติดต่อสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อขออนุญาตใช้
 
สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
เว็บไซต์และฐานข้อมูลภาพล้านนาในอดีต โดย สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง

     
     
  Copyright © 2008 Northern Thai Information Center (NTIC), Chiang Mai University. All Rights Reserved.
239 Huay Kaew Rd., Mueang District , Chiang Mai, Thailand 50200
Tel. 0 5394 4514, 0 5394 4517
ntic@lib.cmu.ac.th
 
/* */