|
|
มะเม่า
|
|
| เหม้า หมากเหม้า บ่าเหม้า (ภาคเหนือ) มะเม่า ต้นเม่า หมากเม่า (ภาคกลาง) | |
|
| พืชตระกูลมะเม่านี้มีด้วยกัน 170 ชนิด กระจายอยู่ในเขตร้อนของอัฟริกา เอเซีย ออสเตรเลีย หมู่เกาะของอินโดนีเซีย เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก มะเม่ามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Antidesma thwaitesianum ที่พบมากในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกัน 5 พันธุ์ คือ มะเม่าสร้อย มะเม่าไข่ปลา มะเม่าควาย มะเม่าดง และมะเม่าหลวง มะเม่าเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ต้นสูง 5-10 เมตร มะเม่าเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาด 4 คนโอบ อายุยืนยาว มะเม่าเป็นไม้พื้นเมืองเนื้อแข็ง แตกกิ่งก้านมาก กิ่งแขนงแตกเป็นพุ่มทรงกลม ใบเป็นใบเดี่ยว ผิวใบเรียบเป็นมันทั้งสองด้าน สีเขียวสด ใบออกหนาแน่นเป็นร่มเงาได้ดี ดอกขนาดเล็กสีขาวอมเหลือง ออกดอกเป็นช่อยาวตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นแบบ raceme คล้ายช่อดอกพริกไทย ดอกแยกเพศกันอยู่คนละต้นเป็นแบบ dioecious ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน สุกในเดือนสิงหาคม-กันยายน ผลมีขนาดเล็กเป็นพวง ภายใน 1 ผลประกอบด้วย 1 เมล็ด เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง ผลดิบสีเขียวอ่อนหรือเขียวเข้ม มีรสเปรี้ยว พอสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและม่วงดำในที่สุด ผลสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยวปนฝาด ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และตามหัวไร่ปลายนาของทุกภาคในประเทศไทย จังหวัดกาญจนบุรีมีต้นมะเม่าเกิดขึ้นในป่าเป็นจำนวนมาก (โอภาษ บุญเส็ง, 2550)
ขยายพันธุ์ ด้วยการตอนกิ่ง (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2550)
| |
|
|
ผลมะเม่า 100 กรัม ให้พลังงานแก่ร่างกาย 75.20 กิโลแครอรี ประกอบด้วย โปรตีน 0.63 กรัม เยื่อใย 0.79 กรัม คาร์โบไฮเดรต 17.96 กรัม แคลเซียม 13.30 มิลลิกรัม เหล็ก 1.44 มิลลิกรัม วิตามินซี 8.97 มิลลิกรัม วิตามินบี 1 4.50 ไมโครกรัม วิตามินบี 2 0.03 ไมโครกรัม วิตามินอี 0.38 (โอภาษ บุญเส็ง, 2550 (ข้อมูลจาก กองวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยราชมงคลอิสานสกลนคร)
ปัจจุบันสถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตร จังหวัดสกลนคร ได้นำเอาผลของ มะเม่า ไปผลิตเป็นไวน์ เรียกว่าไวน์มะเม่า รสชาติอร่อยไม่แพ้ไวน์จากต่างประเทศ และทำน้ำมะเม่าเข้มข้น (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2550)
ชาวล้านนา นิยมนำใบและยอดอ่อนของมะเม่าควาย หรือเหม้าตาควาย (ภาคเหนือ) มะเม่าหลวง หรือเหม้าเสี้ยน (ภาคเหนือ) ใส่แกงเห็ดเผาะ (แกงเห็ดถอบ) แกงเห็ดตับเต่า (แกงเห็ดห้า)
|
ต้น, ราก มีรสจืด แก้กษัย ขับปัสสาวะ บำรุงไต แก้มดลูกพิการ แก้ตกขาว เส้นเอ็นพิการ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้มดลูกอักเสบช้ำบวม ขับโลหิต และน้ำคาวปลา (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2550; วุฒิ วุฒิธรรมเวช, 2540, 363)
ข้อบ่งใช้ทางเภสัชกรรมล้านนา ใช้มะเม่าควาย หรือเหม้าตาควาย เป็นส่วนประกอบของยามะโหก (ยารักษาโรคกระษัย) (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 7626)
| |
|
|
|
|
|
|
กรมส่งเสริมการเกษตร. (2550). ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร. ค้นวันที่ 20 มิถุนายน 2550 จาก http://3w.doae.go.th/webboard/view.asp?room=7&ID=1405 รัตนา พรหมพิชัย. (2542). เหม้า. เหม้าตาควาย เหม้าสาย. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ (เล่ม 15, หน้า 7625-7626). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. วุฒิ วุฒิธรรมเวช. (2540). สารานุกรมสมุนไพร: รวมหลักเภสัชกรรมไทย. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. โอภาษ บุญเส็ง. (2550). ไวน์มะเม่า...ที่สังขละบุรี. กสิกร,80(2)ค้นวันที่ 13 พฤศจิกายน 2550 จาก http://www.doa.go.th/th/ShowArticles.aspx?id=2962 | |
|
|
|
|
|